ก็ นั่นไง ค้นพบแล้ว ซึ่งถ้าถามว่าทำไมเพิ่งมาค้นพบเอาป่านนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้หรือ เมื่อคิดทบทวนดูล้วก็พบว่า "เคย" …… แต่ทุกครั้งที่รู้สึก มันกลับถูกคำว่า "เป็นไปไม่ได้" ครอบงำไว้ จนทำให้เรามองข้ามไอ้ความรู้สึกหัวใจเต้นแรงนั้นไป สิ่งที่ควรจะพบ ก็เลยไม่พบสักที วางคำว่าเป็นไปไม่ได้เอาไว้ก่อน เพื่อที่จะ "ค้นพบ" ตัวเองว่าชอบอะไร "ค้นพบ"ให้ได้ก่อน … ส่วนจะทำหรือไม่ทำ …. ไว้ค่อยคิดทีหลังก็ได้ 5.
ถนัดทำเรื่องอะไร ทุกคนมักจะมีความถนัดไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมีความถนัดในแต่ละด้าน คุณต้องรู้จักใช้ความถนัดของตัวเองสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นมากที่สุด โดยการทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ เช่น ถ้าคุณถนัดเรื่องการทำอาหาร ลองเริ่มจากการเปิดร้านขายอาหาร หรือทำข้าวกล่องขายส่งขายเดลิเวอรรี่ ถ้าถนัดงานอาชีพ งานฝีมือ ก็ลองเย็บปักถัดร้อย ทำงานแฮนด์เมทไปขายตามตลาดนัดก็ได้ ถ้าถนัดการขายหรืองานบริการก็เปิดร้านขายของ หรือซื้อแฟรนไชส์อาหารหรือบริการมาลงทุน 4. รับผิดชอบงานขนาดไหน เมื่อคุณค้นพบแล้วว่า สิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้น รู้สึกว่าลงตัว ทำแล้วรู้สึกว่าชอบ มีความสุข ทุกอย่างมันจะรู้สึกลงตัวไปหมด ตรงนี้จะทำให้คุณมีแรงที่จะรับผิดชอบงานทุกเรื่อง โดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้งใดๆ นั่นคือสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า งานที่คุณทำอยู่ใช่สำหรับคุณแล้วล่ะ แต่ถ้าคุณไม่มีความพยายาม ก็จงทิ้งงานที่กำลังทำอยู่ไปเสีย 5.
ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนนี้เตยใช้เวลาส่วนใหญ่จัดบ้านตามหนังสือ The Life-Changing Magic of Tidying: A simple, effective way to banish clutter forever เขียนโดย Marie Kondo (มีแปลไทยออกมาแล้วแต่จำชื่อหนังสือไม่ได้) หลักการสำคัญของการจัดบ้านตามแบบ Konmari ที่หนังสือเล่มนี้เสนอคือการเก็บเฉพาะของที่ทำให้เรามีความสุขหรือ Spark joy แล้วให้ทิ้งของที่ไม่ Spark joy ออกให้หมด โดยมี testimonial ของลูกค้าที่จัดบ้านตาม Konmari ที่ทำให้เตยรู้สึกสนใจและมองเห็นภาพของ Konmari ที่มันกว้างขึ้น After your course, I quit my job and launched my own business doing something I had dreamed of doing ever since I was child. และมีข้อความของ Marie ที่พูดถึงประโยชน์ของการจัดบ้านตามแบบนี้ว่า A dramatic reorganisation of the home causes correspondingly dramatic changes in lifestyle and perspective. It is life transforming. อ่านแล้วทุกคนคงคิดเหมือนเตยว่า โห อะไรจะขนาดนั้น การจัดบ้านช่วยได้ขนาดนี้เลยหรอ?
3. คุณจะมุ่งมั่นทำต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ ทุกเช้าที่เสียงนาฬิกาปลุกดัง คุณจะลืมตาตื่นขึ้นทันที หรือคุณจะงัวเงีย ล้มตัวลงนอนต่อ… หากเป็นแบบหลัง แสดงว่าคุณกำลังหมดไฟ ไม่อยากทำงานนั้นแล้ว! ทั้งวันของคุณจะเต็มไปด้วยความสุข จากการได้ทำงานที่คุณรัก เพราะมันจะหล่อเลี้ยงและคอยผลักดันให้คุณมีแรงก้าวต่อไป ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง เราอยากให้คุณลองทำงานที่คุณรัก คุณชอบ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงพลังที่มากขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ คุณจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ 4. คุณจะเติบโตและก้าวหน้า การได้ทำในสิ่งที่รัก จะส่งผลให้คุณมีไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา คุณจะสร้างสรรค์ผลงานได้มากมาย เป็นการพัฒนาตนเองและทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ… กลับกัน สำหรับคนที่กล้ำกลืนฝืนทนทำงานที่ตนเองไม่ชอบ คนเหล่านี้จะมีความคิดตื้อตัน คิดอะไรไม่ออก เพราะวันๆ คิดแต่จะทำงานให้เสร็จๆ โดยไม่สนใจผลลัพธ์ของงาน 5. คุณจะรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า เราทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย ดังนั้น คุณจึงควรทำตามความฝัน ทำในสิ่งที่รัก ก่อนที่เวลาของคุณจะหมดไป มันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะมานั่งทำงานด้วยสีหน้าบึ้งตึง บูดเบี้ยว ขมวดคิ้ว และกลับบ้านไปด้วยอาการไมเกรนกำเริบ นอกจากนี้ คุณไม่ควรทำงานไปวันๆ แบบเช้าชามเย็นชาม เพื่อรอวันเกษียณ เวลา 1 วัน มี 24 ชั่วโมง เราทำงานประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของเวลาทั้งวัน ดังนั้น พยายามหางานที่ตนรัก ทำให้เต็มที่ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของความสุข… ใช้เวลาให้คุ้มค่า เลือกทำตามที่ใจต้องการ คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ว่ายังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ!
6/5] 5 วิธีค้นหาสิ่งที่ชอบ สร้างอาชีพที่ใช่ written by คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ) average rating 2. 6 / 5 - 13 user ratings