ใบเดี่ยว และ ใบประกอบ การจำแนกใบ ตามจำนวนใบในหนึ่งก้านใบ สามารถแบ่งใบได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้ 1. ใบเดี่ยว( Simple leaf) คือใบที่มี 1 แผ่นใบบนหนึ่งก้านใบ เช่น ใบมะม่วง ใบสัก ใบโพธิ์ ใบมะละกอ ใบฝรั่ง ใบมะละกอ ใบฝรั่ง ใบสัก ใบมะม่วง 2. ใบประกอบ (Compound leaf) คือ ใบที่มีแผ่นใบมากกว่าหนึ่งแผ่น ที่เกิดบนก้านใบอันเดียวกัน แต่ละใบ เรียกว่าใบย่อย ( leaflet) ก้านของใบย่อยเรียกว่า petiolule หรือ petiolet ใบประกอบแบ่งเป็น 2. 1ใบประกอบแบบขนนก ( pinnately compound leaf) มีใบย่อยออก 2 ข้างของแเกนกลาง ( rachis) ซึ่งเป็นส่วนที่ต่อกับก้านใบ ใบประกอบมีใบย่อยออกแกนกลาง 2 ครั้ง เรียกใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น ( bipinnately compound leaf) แกนของใบประกอบใบย่อยแยกออกจากแกนกลาง นี้เรียก rachilla พืชบางชนิดมีใบประกอบแบบขนนก 3 ชั้น (tripinnately compound leaf) คือมีการแตกแขนงของใบ ย่อยเช่นเดียวกับใบประกอบแบบขนนกสองชั้นแต่เพิ่มมาอีก หนึ่งชั้น ภาพ ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ใบขี้เหล็ก ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ใบสะเดา ภาพ ใบกระถินใบประกอบขนนกสองชั้น ภาพ ใบประกอบขนนกสามชั้น 2. 2 ใบประกอบแบบรูปมือ ( palmately compound leaf) คือใบประกอบที่มีใบย่อยทุกใบออกมาจากตำเหน่งเดียวกันตรงปลายก้านใบ ใบประกอบแบบนี้ถ้ามี 3 ใบย่อยเรียก trifoliolate ถ้ามี 4 ใบเรียก quadrifoliolate และถ้ามีใบย่อยมากกว่านี้เรียก polyfoliolate trifoliolate อาจเป็นใบประกอบแบบขนนกถ้ามี rachis ภาพ ใบประกอบแบบรูปมือ วิธีอื่นๆที่ใช้ในการสังเกตใบเดี่ยว และ ใบประกอบ 1.
คือ พืชที่มีใบเลี้ยงเพียงใบเดียว เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะเห็นข้อและปล้องในส่วนของลำต้นชัดเจน ใบมักมีลักษณะแคบเรียว เส้นใบเรียงตัวในแนวขนาน กลีบดอกมีจานวน3 กลีบ หรือทวีคูณของ 3 รากเป็นระบบรากฝอย ตัวอย่าง เช่น ข้าวโพด อ้อย หญ้า ไผ่เป็นต้น 2.
ไม้ประดับในโรงเรียน 1.
รัง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Shorea siamensis Miq. อยู่ในวงศ์ DIPTEROCARPACEAE เป็นต้นไม้ขนาดกลางถึงใหญ่ สูงระหว่าง ๑๐-๒๐ เมตร รูปทรงต้นเป็นทรงกลมหรือพุ่มทรงเจดีย์ ลำต้นไม่เปลาตรงนัก (เมื่อเทียบกับต้นไม้บางชนิด เช่น ยางนา หรือยมหอม) เปลือกหุ้มลำต้น สีเทา เปลือกหนา มักแตกเป็นร่องและเป็นสะเก็ดล่อน ใบเป็นชนิดเดี่ยว เรียงสลับบนกิ่งก้าน ใบรูปไข่ โคนใบหยักเว้าเป็นรูปหัวใจ ปลายใบค่อน ข้างมน ใบอ่อนเมื่อแตกออกใหม่ๆ มี สีแดงและเมื่อเข้าหน้าแล้งจะเปลี่ยน เป็นสีเหลืองก่อนร รายงานเรื่อง การถนอมอาหาร(ต้นหอมดอง) นำเสนอ ครูกรองทิพย์ กล้าผจญ จัดทำโดย นายนรภัทร ปิยะวงศ์ ชั้น ม. 6 เลขที่ 7 นายสุวัตน์ เกิดชัยยะ ชั้น ม. 6 เลขที่9 นางสาวรติรัตน์ เลียบสันเที่ยะ ชั้น ม. 6 เลขที่ 12 นางสาวณัฐมน วงศ์พรมมา ชั้น ม. 6 เลขที่ 13 นางสาวสุนิสา เพชรสุข ชั้น ม. 6 เลขที่ 14 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 31
ใบเลี้ยงเดี่ยว ใบเลี้ยงคู่ ที่มาและความสำคัญ ต้นไม้ในโรงเรียนมีหลายชนิด มีทั้งเป็นพุ่ม ต้นเดี่ยว เป็นกอง ตามบริเวณที่ต่างๆ เช่น หลังหอประชุม1-2 ข้างหน้าอาคาร1-5 ฯลฯ ในแต่ละบริเวณจะมีต้นไม้หลากหลายชนิด ชื่อแตกต่างกันไป โดยเฉพาะบริเวณข้างในโรงเรียนที่เรามาเรียนเกือบทุกวัน จึงสงสัยว่าบริเวณนี้มีต้นไม้ชื่ออะไรบ้าง แล้วถ้าจะแยกเป็นชนิด จะได้กี่ชนิด อีกทั้งเราก็เคยเรียนเรื่องพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ในวิชาวิทยาศาสตร์ จึงคิดว่าต้นไม้บริเวณนี้น่าจะนำมาจำแนกตามลักษณะใบเลี้ยงเดี่ยวและเลี้ยงคู่ตามที่เราได้เรียนมา วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสำรวจชื่อต้นไม้บริเวณข้างในโรงเรียน 2. เพื่อแยกประเภทพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ตามที่สำรวจ ขั้นตอนการดำเนินงาน วางแผนการทำงาน ไปสำรวจต้นไม้บริเวณโรงเรียน 3. นำเนื้อหาที่หาได้มาทำตารางจำแนก 4. นำผลสำรวจมาสรุปร่วมกัน และทำเป็นโครงงานเพื่อนำเสนอ ขอบเขตการศึกษา ในโรงเรียนสามร้อยยอดวิทยาคม สรุปผลการสำรวจ จากการสำรวจพบว่า 1. มีต้นไม้ทั้งหมด 80 ชนิด 2. มีต้นไม้ใบเลี้ยงเดี่ยว 30 ชนิด 3. มีต้นไม้ใบเลี้ยงคู่ 50 ประโยชน์ที่จะได้รับ ได้รู้ว่าต้นไม้ในโรงเรียนชื่ออะไรบ้าง มีชนิดอะไรบ้าง มีต้นไม้มากมายเท่าไรในโรงเรียน ได้รู้ว่าต้นไหนเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ใบเลี้ยงคู่ ได้รู้ว่าต้นนี้ชื่อนี้จะมีรูปร่างน่าตาอย่างนี้ และทำให้เรานำความรู้ที่เรียนมาก่อนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่องาน อ้างอิง science plant, มปป.
ชวนชม ชวนชม (Adenium) เป็นชื่อของ พรรณไม้ ที่มีสีสันของดอกสวยงาม เป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้งมาก จนได้รับสมญาว่า Desert Rose (กุหลาบทะเลทราย) นอกจากนี้ตามความเชื่อของคนไทยชื่อ "ชวนชม" ยังเป็นชื่อที่มีความไพเราะเป็นศิริมงคล และชาวจีนว่า "ปู้กุ้ยฮวย" ซึ่งแปลว่า ดอกไม้แห่งความร่ำรวย แต่ดอกชวนชมมีสาร abobioside, echubioside ตรงนำยางสีขาว ถ้าน้ำยางถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง ถ้าเข้าตา ตาจะอักเสบ กินเข้าไปจะเป็นพิษ แต่น้ำยางมีรสขมมาก โอกาสกินมีน้อย ถ้ากินจะมีผลต่อหัวใจ อาการเบื้องต้นจะทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาพร่า หัวใจเต้นอ่อน ความดันลดลงอาจตายได้ 3.