ปอด ประกอบด้วยแขนงขั้วปวดหรือหลอดลมฝอย (Bronchiole) ที่แตกย่อยออกในเนื้อปอด และถุงลมขนาดเล็กในปอด (alveolu) ที่เชื่อมต่อกับหลอดลมฝอย เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ การเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจทำให้อวัยวะบางส่วนทำงานผิดปกติ และส่งผลต่อกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซ เช่น โรคปอดอักเสบ เป็นต้น แต่โรคบางชนิดที่เกิดขึ้นในระบบนี้อาจไม่กระทบต่อกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ เป็นต้น สาเหตุการก่อโรค 1. การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา โปรตัวซัว และสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ 2. การหายใจเอาสารพิษหรือสารเคมี เช่น ไอระเหยของกรด ไอระเหยของโลหะหนัก เป็นต้น 3. การสูบบุหรี่หรือสารเสพติดผ่านทางระบบหายใจ 4. การเกิดอุบัติเหตุที่เกิดการกระแทกอย่างแรงบริเวณอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดทะลุจากอุบัติเหตุ อาการเบื้องต้นของโรค 1. เป็นหวัด ไอ จาม มีเสมหะ 2. หายใจลำบาก ติดขัด แน่นหน้าอก 3. หายใจตื้น หายใจสั้น 4. หายใจมีเสียงดัง 5. มีการอักเสบของอวัยวะส่วนต้น จมูก โพรงจมูก หลอดลม 6. กลืนอาหารลำบาก 7. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด การตรวจวินิจฉัย 1. การตรวจด้วยการเอกซเรย์ปอด (x-ray) 2. การตรวจเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT scan) 3.
หลอดลมที่มีการตีบ หรืออุดตันเป็น ๆ หาย ๆ การตีบ หรืออุดตันเกิดจาก กล้ามเนื้อหลอดลมหดตัว เยื่อบุมีอาการบวม มีการอักเสบ และมีเสมหะมาก 2. มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมร่วมด้วย 3. หลอดลมมีสภาพไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ เช่น ควันต่าง ๆ กลิ่นที่แรง มีสารก่อภูมิแพ้ บทความที่เกี่ยวข้อง: ระบบการไหลเวียนเลือดของเด็กทารก เป็นอย่างไร? กลไกของระบบหายใจมีอะไรบ้าง?
ลำดับต่อไป ผู้เขียนจะได้นำเสนอ อาการหรือโรคที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลแบบร้อนเกิน ซึ่งสามารถใช้อาหารปรับสมดุลและการฝึกจิตบำบัดหรือบรรเทาได้ มีดังต่อไปนี้ 1. ตาแดง ตาแห้ง แสบตา ปวดตา ตามัว ขี้ตาข้น เหนียว หรือไม่ค่อยมีขี้ตา หนังตาตก ขนคิ้วร่วง ขอบตาคล้ำ 2. มีสิว ฝ้า 3. มีตุ่ม แผล ในช่องปากด้านล่าง ออกร้อนในช่องปาก เหงือกอักเสบ 4. นอนกรน ปากคอแห้ง ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย 5. ผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย รังแค รูขุมขนขยายโดยเฉพาะบริเวณหน้าอก คอ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 6. ไข้ขึ้น ปวดหัว ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว 7. มีเส้นเลือดขอด ตามส่วนต่างๆของร่างกาย เส้นเลือดฝอยแตกใต้ผิวหนัง พบรอยจ้ำเขียวคล้ำ 8. ปวดบวม แดง ร้อน ตามร่างกายหรือตามข้อ 9. กล้ามเนื้อเกร็งค้าง กดเจ็บ เป็นตะคริวบ่อย ๆ 10. ผิวหนังปกติคล้ายมีรอยไหม้ เกิดฝีหนอง น้ำเหลืองเสียตามร่างกาย 11. ตกกระสีน้ำตาลหรือสีดำตามร่างกาย 12. ท้องผูก อุจจาระแข็งหรือเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายขี้แพะ บางครั้งมีท้องเสียแทรก 13. ปัสสาวะปริมาณน้อย สีเข้ม ปัสสาวะบ่อย แสบขัด ถ้าเป็นมาก ๆ จะเป็นสีน้ำล้างเนื้อหรือมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะด้วย มักลุกปัสสาวะช่วงเที่ยงคืนถึงตี 2 (คนที่ร่างกายปกติสมดุล จะไม่ลุกปัสสาวะกลางดึก) 14.
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดยใช้ปริมาณรังสีต่ำ (low-dose computed tomography)เพื่อให้เห็นภาพแบบ 3 มิติ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น 4. การตรวจโดยใช้สารกัมมันตรังสีดูความสัมพันธ์ระหว่างการหายใจกับเลือดที่ไปเลี้ยงที่ปอด (ventilation-perfusion scan) 5. การตัดชิ้นเนื้อวิเคราะห์ (biopsy) 6. การส่องกล้อง 7. การตรวจสมรรถภาพปอด (pulmonary function testing) 8. การทดสอบความไวของหลอดลมโดยใช้สารกระตุ้น methacholine 9. การตรวจการนอนหลับ (sleep test) สำหรับประเมิน และวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับนอนหลับ เช่น โรคนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับ การรักษา การรักษาโรคที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจขึ้นอยู่กับชนิด และสาเหตุของโรค เช่น 1. โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคปอดบวม โรคหวัด โรควัณโรค จะใช้วิธีการให้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก 2. โรคที่เกิดจากภาวะเนื้อเยื่อผิดปกติ เช่น โรคมะเร็งปอด อาจใช้วิธีการผ่าตัด เคมีบำบัดหรือการฉายรังสี 3. โรคที่เกิดภาวะการอุดกั้นในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) อาจใช้วิธีการให้ยากระตุ้นการขยายตัวของหลอดลม รวมไปถึงยาสเตียรอยด์ชนิดต่างๆ การป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ การแพร่ระบาดของโรคในระบบทางเดินหายใจ มักพบมีการแพร่ผ่านการสูดหายใจเอาอากาศที่มีเชื้อโรคปะปนเข้าใป ดังนั้น การป้องกันที่ดีจึงต้องป้องกันที่ทางผ่านของเชื้อที่แพร่กระจายทางอากาศเป็นสำคัญ ซึ่งมีแนวทางในการป้องกัน ดังนี้ 1.
18 โรคระบบทางเดินหายใจ 1 - YouTube
โรคแกลสเซอร์ (พบอนุบาล-หมูขุน) อาการ/รอยโรค มีไข้, ซึม เบื่ออาหาร ผอมโทรมขนหยาบ หายใจลำบากข้อบวม, มีน้ำมูกเกรอะกรัง, ชัก รอยโรคคล้าย มัยโคพลาสม่า ไฮโอไรนิสและสเตรปโตคอคคัส การรักษา Amoxyciliin, Ceftiofur, Doxyclicline, เพนไดสเตรป 6. โรคติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส (อนุบาล-หมูขุน) อาการ/รอยโรค มีไข้ ข้อบวมแข็งและร้อน บางตัวพบหูแดง ผิวม่วง / ในเคสเฉียบพลัน จะตายโดยที่ไม่แสดงอาการทางคลินิคใดๆในตัวที่สมบูรณ์ ตัวเชื้อสามารถก่อให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด, ลิ้นหัวใจอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบมีหนอง, ข้ออักเสบ, เยื่อเลื่อมช่องอกช่องท้องอักเสบแบบไฟบรินปนหนอง (รอยโรคคล้ายมัยโคพลาสม่า ไฮโอไรนิส แกลสเซอร์) การรักษา Amoxycillin, เพนนิซิลิน, ไทอะมูลิน, Doxyclicline, Ceftiofur, CTC 7. โรคติดเชื้อพาสทูเรลล่า (มักเจอในหมูขุน) เกิดจาก เชื้อพาสทูเรลล่า มัลโตซิด้า ไทป์ A ปอดบวมปอดอักเสบ พาสทูเรลล่า มัลโตซิด้า ไทป์ D โรคโพรงจมูกฝ่อลีบ (โรค AR) อาการ/รอยโรค ไอมีเสมหะ, หายใจกระแทกช่องอก อ้าปากหายใจ ในรายเฉียบพลัน มีไข้สูงและตายได้ รอยโรคที่ปอดจะพบปอดบวมที่พูหน้าด้านล่างคล้ายแบคทีเรียตัวอื่น เหนี่ยวนำให้เกิดเยื่อหุ้มปอดอักเสบแบบมีผังผืด (Fibrotic pleuritisทำให้ปอดติดช่องอกคล้ายโรค APP เกิดการฉีกขาดของเยื่อหุ้มปอดเมื่อดึงปอดออกจากช่องอก การรักษา Amoxycillin, Tetracycline, Ceftiofur, Enrofloxacin, Tiamulin 8.
รูจมูก เป็นส่วนนอกสุกของระบบทางเดินหายใจที่เป็นทางผ่านเข้าออกของอากาศ 2. โพรงจมูก (Nasal cavity) เป็นทางผ่านของอากาศที่ถัดมาจากรูจมูก ภายในโพรงประกอบด้วยขนเล็กๆที่เป็นเซลล์เยื่อบุผิวทำหน้าที่ในการอุ่นอากาศ และช่วยกรองละอองฝุ่นขนาดเล็กก่อนเข้าสู่ปอด 3. คอหอย (Pharynx) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของจุดเชื่อมต่อระหว่างช่องอากาศที่จะเข้าปอด และกล่องเสียงกับหลอดอาหาร 4. หลอดลม (trachea) มีลักษณะเป็นท่อตรงยาวถึงขั้วปอด ประกอบด้วยกระดูกอ่อนเรียงตัวในลักษณะเป็นวงคล้ายรูปเกลือกม้า 5. ขั้วปอด (Bronchus) เป็นจุดแยกของปอดซีกซ้าย และปอดซีกขวา 6. ปอด ประกอบด้วยแขนงขั้วปวดหรือหลอดลมฝอย (Bronchiole) ที่แตกย่อยออกในเนื้อปอด และถุงลมขนาดเล็กในปอด (alveolu) ที่เชื่อมต่อกับหลอดลมฝอย เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ การเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจทำให้อวัยวะบางส่วนทำงานผิดปกติ และส่งผลต่อกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซ เช่น โรคปอดอักเสบ เป็นต้น แต่โรคบางชนิดที่เกิดขึ้นในระบบนี้อาจไม่กระทบต่อกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ เป็นต้น สาเหตุการก่อโรค 1. การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา โปรตัวซัว และสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ 2.
เกิดจากการกระแทก อุบัติเหตุที่ทรวงอก กระดูกซี่โครงหักตำถูกเยื่อหุ้มปอด 10. สาเหตุจากยาบางชนิด เช่น hydralazine, procan และ dilantin 11. เกิดจากโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง ฝีในตับ ตับอ่อนอักเสบ 12.
แหล่งที่มา: ( 1), ( 2) มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!