โรคอ้วน (น้ำหนักเทียบกับความสูง (weight for height) มากกว่า +3 SD) 2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง 4. โรคไตวายเรื้อรัง 5. โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 6. โรคเบาหวาน 7. กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า อ่านข่าวเพิ่มเติม โควิดวันนี้ เด็ก 7 ขวบ เสียชีวิต มีโรคประจำตัว-ยังไม่ฉีดวัคซีน 'ราชบุรี-ระยอง-โคราช' ดีดเกิน 600 ราย 'เด็กติดเชื้อโควิด' 6, 000 คน ใน 1 สัปดาห์ เผยรับเชื้อจากผู้ปกครอง เผย 5 สูตรวัคซีนเด็ก ย้ำทุกสูตรทั้งไฟเซอร์ 2 เข็ม ซิโนแวค 2 เข็ม และไขว้ ปลอดภัยแน่นอน
หลายครั้งที่เราได้ยินข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ และข่าวการเจ็บป่วยของญาติพี่น้องของเรา จากปากของหมอว่า มีสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก " ปอดติดเชื้อ " เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า "ปอดติดเชื้อ" คืออะไร ติดเชื้ออะไร ร้ายแรงมากแค่ไหน และหากติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ จะมีโอกาสรักษาหายหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบค่ะ ปอดติดเชื้อ คืออะไร? ปอดติดเชื้อ คืออาการติดเชื้อที่ปอดด้วยเชื้อโรคประเภทต่างๆ ตั้งแต่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อพยาธิ เชื้อรา อื่นๆ ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ สำหรับโรคปอดบวมจากอาการปอดติดเชื้อ จะมาจากการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae (สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี) ความรุนแรงของอาการปอดติดเชื้อมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรงถึงขั้นหัวใจล้มเกลวจนเสียชีวิตได้ ปอดติดเชื้อ เป็นโรคติดต่อหรือไม่? ปอดติดเชื้อ เป็นโรคติดต่อค่ะ โดยติดต่อกันได้ผ่านน้ำลาย และเสมหะ ปอดติดเชื้อ มีสาเหตุมาจากไหนบ้าง? เชื้อโรคที่ทำให้ปอดติดเชื้อ อาจมาจาก - เครื่องปรับอากาศ ที่ไม่ได้ล้างทำความสะอาดอย่างเพียงพอ - อาการติดเชื้อจากโรคอื่นๆ ที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว เช่น วัณโรค กรวยไตอักเสบ โรคพยาธิ เป็นต้น - ในคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ภูมิต้านทานไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านั้นได้ เชื้อโรคจึงสามารถเข้าสู่ปอด จนทำให้เกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อได้ - อยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือเสี่ยงต่อการเป็นแหล่งสะสมเชื้อไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ ปอดติดเชื้อ มีอาการเริ่มต้นอย่างไรบ้าง?
ถังออกซิเจน ข้อดีคือไม่ต้องใช้ไฟ ดังนั้นถ้าไฟดับจะยังสามารถใช้ได้อยู่ แต่มีข้อเสียคือ เมื่อออกซิเจนหมดถังต้องคอยหาที่เติมออกซิเจน ดังนั้นในผู้ที่ใช้ออกซิเจนเป็นระยะเวลานาน อาจต้องมีถังสำรองไว้ระหว่างที่รอเติม ข้อควรระวังในการใช้ออกซิเจนทั้งสองแบบคือ ระวังไม่ให้มีประกายไฟ ผู้ป่วยห้ามสูบบุหรี่ระหว่างที่ใช้ออกซิเจนเด็ดขาด เพราะออกซิเจนจะติดไฟได้
คุณภาพชีวิต-สังคม 20 เม. ย. 2564 เวลา 16:30 น. 27. 9k รัฐบาล ประชาสัมพันธ์ เปิดสายด่วนโควิด-19 เฉพาะกิจ 1668 ผู้ที่ตรวจยืนยันแล้วว่า ติดโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถเข้ารับการดูแลรักษาใน รพ. ในพื้นที่และปริมณฑล วันนี้กรุงเทพธุรกิจจะมาแนะนำแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนใครที่ทราบผลว่าติด COVID-19 แล้ว แต่ไม่สามารถหารพ. ได้ แนะนำให้เข้าไปเช็คสถานที่ใน Hospitel สำหรับผู้ป่วยโควิด เพื่อพักรักษาและ เฝ้าระวังอาการ สนใจประกันโควิด คลิกที่นี่!! อาการที่เข้าเกณฑ์การตรวจหาเชื้อ โดยปกติแล้วอาการของโควิด-19 จะมีดังนี้ มีประวัติไข้หรืออุณหภูมิตั้งแต่ 37.
แต่อาจพิจารณาให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5 วัน ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น กรณีที่ไข้สูง 39 องศาเซลเชียสต่อเนื่องกันมากกว่า 1 วัน อ่อนเพลีย ซึม อาเจียน ท้องเสีย รับประทานอาหารได้น้อย เป็นต้น 3. ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย ได้แก่ อายุน้อยกว่า 1ขวบ และมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิดรุนแรง แนะนำให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5 วัน อาจให้นานกว่านี้ได้ หากอาการยังมาก โดยแพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยจัดให้มีช่องทางให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อเข้ารับการประเมิน หรือรับการรักษาในโรงพยาบาลหากอาการเปลี่ยนแปลงหรือทรุดลง 4. ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการปอดอักเสบปานกลางหรือรุนแรง ได้แก่ หายใจเร็วกว่าอัตราการหายใจ (60 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ <2 เดือน, 50 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ 2-12 เดือน, 40 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ 1-5 ขวบ และ 30 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ >5 ขวบ) แนะนำให้เข้ารับการรักษาใน รพ. แนะนำให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5-10 วัน พิจารณาให้เรมเดซิเวียร์ หากเป็นมาไม่เกิน 10 วัน และมีปอดอักเสบที่ต้องการการรักษาด้วยออกซิเจน หรือมีอาการรุนแรง แนะนำให้ corticosteroid 5.
ผู้ป่วยยืนยันที่มีข้อบ่งชี้ในการนอน รพ. เช่น ท้องเสีย อาเจียน กินอาหารไม่ได้ แนะนำให้เข้ารับการรักษาใน รพ. ให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5-10 วัน เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หรือไม่มีข้อบ่งชี้ในการนอน รพ. สามารถรักษาต่อแบบผู้ป่วยนอก โดยการกักตัวที่บ้านตามคำแนะนำของแพทย์ในระหว่างที่รักษาแบบผู้ป่วยนอก ขอให้ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการกักตัวอยู่ที่บ้านตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะแนะนำการใช้ ฟ้าทะลายโจร ยาถ่ายพยาธิไอเวอร์เม็กติน ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด เพื่อการรักษาโรคโควิด-19 ในเด็ก สำหรับกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง ได้แก่ เด็กที่มีโรคร่วม หรือความผิดปกติ ดังต่อไปนี้ 1. โรคอ้วน (น้ำหนักเทียบกับความสูง มากกว่า +3 SD) 2. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง 4. โรคไตวายเรื้อรัง 5. โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 6. โรคเบาหวาน 7. กลุ่มโรคพันธรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า