จะทำงานได้ถึงก่อนวันเปิดประชุมสภาครั้งแรก แต่ สนช. คำนึงถึงมารยาทและความเหมาะสม ดังนั้นจะหยุดพิจารณากฎหมายทุกฉบับหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง ยกเว้นจะมีเร่งด่วนสำคัญจริงๆ เช่น สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องเร่งลงนาม เรื่องร้ายแรงที่ต้องออกเป็นพระราชกำหนด หรือเรื่องเร่งด่วนที่มีความสำคัญจริงๆ ส่วนการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ยังค้างอยู่ใน สนช. นั้น ในขั้นตอนการคัดเลือกของกรรมการสรรหา ที่ไม่เกี่ยวกับ สนช. คงดำเนินการต่อไป แต่เมื่อเรื่องมาถึง สนช. แล้ว คงต้องรอให้สภาฯ ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่าง พ. แก้ไขเพิ่มเติม พ. ธุรกิจสถาบันการเงิน ร่าง พ. หลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ ร่าง พ. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ร่าง พ. ทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล ภาษีลาภลอย การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน และอื่นๆอีกมากมาย ถามใจ สนช. ที่ได้โบนัสต่ออายุมาจนถึงวันนี้จะร่วมรับผิดชอบกันอย่างไร. อ่านเพิ่มเติม...
ถูกพาดพิงว่ามีบทบาทสำคัญในการพลิกคดีวรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา แถมตัวประธานเองถูกมองว่า มีสายสัมพันธ์กับทนายความของผู้ต้องหาในคดีนี้ ล่าสุด อดีตคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ (กมธ. กฎหมาย) ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่มี พล. ร. อ. ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ จึงมอบหมายให้ ธานี อ่อนละเอียด อดีตเลขานุการของ กมธ. กฎหมาย ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง The MATTER ขอสรุปสาระสำคัญไว้ดังนี้ 1. ) อำนาจหน้าที่ของ 'กมธ. กฎหมาย' ธานีชี้แจงว่า กลไกกรรมาธิการของสภามีหน้าที่หนึ่ง คือ รับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนจากประชาชน จากนั้นก็นำไปตรวจสอบ ค้นหา ศึกษาข้อเท็จจริง และส่งเรื่องต่อไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วหน่วยงานนั้นๆ จะแจ้งผลกลับมา แต่กรรมาธิการของสภา จะไม่มีหน้าที่ไปแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานอื่น ยืนยันอีกครั้งว่า กมธ. กฎหมาย ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ไม่ใช่อัยการ ตำรวจ ป. ป. ช. หรือ กกต. ที่จะไปชี้ถูกชี้ผิดใคร 2. ) กรณีของบอส อยู่วิทยา (ขับรถชน ด. ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ในปี 2555) มายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับ กมธ. กฎหมาย สนช. ในเดือนพฤษภาคมปี 2559 เพราะเขาอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการที่ยื่นขอให้พนักงานอัยการขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานบางปากเพิ่มเติม รวมถึงวัดความเร็วรถยนต์ใหม่ แต่พนักงานอัยการไม่ทำตาม 3. )
ในวันที่ 29 มี. ค. นี้ และคาดว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ในวันที่ 2 เม. ย. ส่วนใหญ่ผู้ร่วมลงชื่อเป็นสนช. ที่งดออกเสียง และไม่ได้มาประชุมในวันที่สนช. ลงมติเห็นชอบร่างพ. ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้นายกรัฐมนตรีตีกลับร่างพ. เลือกตั้งส. มายังสนช. ก่อน แต่นายพรเพชรจะประสานไปยังนายกรัฐมนตรีขอให้ชะลอการนำร่างพ. ขึ้นทูลเกล้าฯไว้ก่อน เพื่อรอศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาวินิจฉัยไม่เกิน 2 เดือน เพราะประเด็นเรื่องการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และประเด็นการให้เจ้าหน้าที่กกต. กาบัตรลงคะแนนเลือกตั้งแทนคนพิการได้นั้น ไม่ใช่ประเด็นซับซ้อนจึงไม่มีผลกระทบต่อโรดแม็พเลือกตั้ง
"กบว. ออนไลน์" ปิดเว็บ "ผิดศีลธรรม" แม้ไม่ผิดกฎหมาย -- มาตรา 20/1 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาใหม่ เรื่องการปิดกั้นเว็บไซต์ จะส่งผลให้เว็บไซต์ถูก "บล็อค" ได้ แม้ว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์จะไม่ผิดกฎหมายใดๆ เลยก็ตาม หากคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์เห็นว่าเนื้อหาเหล่านั้น "ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี" ทั้งนี้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือ "กบว. ออนไลน์" นี้สามารถมีได้หลายคณะ แต่ละคณะจะมีกรรมการ 5 คนมาจากการแต่งตั้งของรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล และร่างกฎหมายไม่ได้กำหนดคุณสมบัติที่ชัดเจนของกรรมการ (มาตรา 20/1 ตามร่างฉบับ 18 พ. ย. 2559 คือมาตรา 20 (4) ในร่างฉบับ 26 พ. 2559) นอกจากนี้ยังมีข้อเป็นห่วงถึงการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติในมาตราอื่นๆ อีก เช่น มาตรา 16/2 (ภาระในการรู้ว่ามีข้อมูลที่มีความผิดอยู่ในระบบของตัวเองหรือไม่) มาตรา 18 (การยึดค้นระบบและได้ไปซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 18 (2) และ 18 (3) โดยไม่ต้องใช้คำสั่งศาล) และมาตรา 26 (เพิ่มระยะเวลาเก็บข้อมูลการจราจร โดยไม่ได้ระบุถึงสิทธิในการอุทธรณ์ของผู้ได้รับผลกระทบ) ด้วยเหตุนี้ พวกเราประชาชนดังที่ลงชื่อ จึงเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่างพ.