๑ ถ้าถูกกำจัดก่อนเจ้ามรดกตายตามมาตรา ๑๖๐๖ (๑) (๒) (๔) และ (๕) ผู้สืบสันดานก็มีสิทธิรับมรดกแทนที่ได้ตามมาตรา ๑๖๓๙ ๑. ๒ ถ้าถูกกำจัดภายหลังเจ้ามรดกตายตามมาตรา ๑๖๐๕ และมาตรา ๑๖๐๖ (๑) (๒) (๓) และ (๕) จะรับมรดกแทนที่กันตามมาตรา ๑๖๓๙ ไม่ได้ เพราะมาตรา ๑๖๓๙ เป็นการถูกกำจัดมิให้รับมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย แต่น่าจะนำมาตรา ๑๖๐๗ มาปรับได้ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๗๘/๒๕๓๙ pim203852Sun May 30 2010 19:38:42 GMT+0700 (ICT) ๒. การตัดมิให้รับมรดก ทายาทโดยธรรมที่ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นเสียสิทธิในการรับมรดกแล้ว ผู้สืบสันดานของผู้ถูกตัดจะเข้ารับมรดกแทนที่ผู้ถูกตัดไม่ได้ ตัวอย่าง การที่ผู้สืบสันดานจะมีสิทธิรับมรดกแทนที่ทายาทมีอยู่ ๒ กรณี ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖๓๙ และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้สืบสันดานที่จะเข้ารับมรดกแทนที่ การรับมรดกของทายาทโดยธรรมที่ถูกตัดมิให้รับมรดก เมื่อทายาทโดยธรรมตายก่อนเจ้ามรดกบุตรของทายาทโดยธรรมจะเข้ารับมรดกของผู้ตายแทนที่ทายาทโดยธรรมไม่ได้ ๓. วัดได้ทรัพย์สินมาเนื่องจากพระภิกษุมรณภาพ เป็นการได้มาโดยผลของกฎหมาย ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกและวัดไม่ใช่ทายาทโดยธรรม วัดจึงสละมรดกไม่ได้ แต่ถ้าวัดได้ทรัพย์สินมาโดยพินัยกรรมหากเป็นที่ดินย่อมตกเป็นของวัดทันทีโดยผลของกฎหมายและเป็นที่ธรณีสงฆ์ การโอนกรรมสิทธิ์ทำได้แต่โดยพระราชบัญญัติ แม้การสละมรดกจะไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์แต่ก็เป็นการทำให้สิ้นไปซึ่งกรรมสิทธิ์และผู้อื่นก็ไม่มีทางจะรับโอนกรรมสิทธิ์ไปได้ วัดจึงสละมรดกในฐานะผู้รับพินัยกรรมไม่ได้ ถ้าทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมไม่ใช่ที่ดินวัดย่อมสละมรดกได้ pim203852Sun May 30 2010 19:39:09 GMT+0700 (ICT) ๑.
ข้าน้อยอ่านคำถามนี้อยู่ 2 วัน รู้สึกหัวหมุนมิรู้หาย เพราะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ซึ่งหมายความว่าข้อเท็จจริงอันเป็นสารตั้งต้นน้อยไปหน่อย ทำให้เกิดการเคลือบคลุมในการจับประเด็น จึงขอขอบคุณท่านพี่ซังฯ ท่านพี่อัยย์ ที่ช่วยคลายปัญหานี้ ข้อควรจำในการสละมรดก ๑. ผู้สละมรดกต้องมีความสามารถทำนิติกรรม การสละมรดกเป็น นิติกรรม อย่างหนึ่งซึ่งบุคคลที่เรียกว่า "ผู้อ่อนวินิจฉัย" อันได้แก่ ( 1) ผู้เยาว์, (2) บุคคลวิกลจริต หรือ ( 3) บุคคลผู้ไม่สามารถจัดการงานของตนได้ ไม่อาจทำเองได้ เว้นแต่ ผู้แทนโดยชอบธรรม ยินยอม และศาลอนุมัติประกอบกัน ตาม ป. พ. ม.
คู่สมรสของผู้ตายจะอยู่ในลำดับใดและมีส่วนแบ่งในมรดกมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับทายาทโดยธรรมที่เป็นญาติซึ่งยังมีชีวิต และถ้าไม่มีทายาทโดยธรรมที่เป็นญาติ คู่สมรสก็มีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมด ๔.
ร. บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ. ศ. ๒๔๙๕ มาตรา ๔๐ ( ฎีกาที่ ๑๒๕๐/๒๕๓๘) ซึ่งมาตรา ๔๐ ดังกล่าวกำหนดว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายถึง นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขต อนึ่ง ผู้ทำการแทนบุคคลดังกล่าวถือว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นกัน กระทำโดยแสดงเจตนาฝ่ายเดียว โดยทายาทอื่นไม่จำต้องรับรู้ด้วยก็ได้ ส่วนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จะต้องมีคู่สัญญา แต่ไม่จำต้องแสดงเจตนาต่อทายาททุกคน ที่ดินและเรือนเป็นทรัพย์มรดก แต่เอกสารหมาย ล. ๑ กล่าวถึงเฉพาะที่ดิน ไม่ใช่เรือน จึงมิใช่การสละมรดกตาม ป. มาตรา ๑๖๑๒ จะทำได้เพียงบางส่วนไม่ได้ตามมาตรา ๑๖๑๓ อย่างไรก็ดี เอกสารหมาย ล. ๑ ก็เป็นหลักฐานแห่งสัญญาแบ่งปันมรดก ซึ่งโจทก์ลงลายมือชื่อว่าโจทก์เป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกที่ดินแต่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอรับโอนมรดกต่อไป โจทก์ตกลงยินยอมให้จำเลยผู้เป็นภรรยาของเจ้ามรดกเป็นผู้รับโอนแต่ผู้เดียว จึงมีผลเฉพาะที่ดินเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรือน ( ฎีกาที่ ๗๒/๒๕๑๒) อ้างอิง กีรติ กาญจนรินทร์. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๖ มรดก. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, ๒๕๖๐. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๑๒ การสละมรดกนั้น ต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ มาตรา ๑๖๑๓ การสละมรดกนั้น จะทำแต่เพียงบางส่วน หรือทำโดยมีเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาไม่ได้ การสละมรดกนั้น จะถอนเสียมิได้
มาตรา 1612 ตอนท้าย และมาตรา 850 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาท