2540) สมัยก่อนนี้เองที่ค่าเช่าม้วน VDO หนึ่งเรื่องสนนราคาแค่ 20 บาท โดยบางร้านถ้าเช่าถึง 5 ม้วนจะมีบริการตามเก็บถึงที่พัก(ให้ดูได้ 7 วัน / เช่น ร้านวัฒนาศิลป์ สุดสาย 3) คิดว่าหลายคนคงเคยได้รับชม เปรตเดินดินกินเนื้อคน ฉบับม้วน VDO กันมาแล้ว แน่นอนว่ามีให้เช่าที่ร้านซึทาญ่า สาขาถนนศรีภูวนารถ ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ไม่มีตัดทอนใดใดทั้งสิ้น ในหาดใหญ่ม้วน VDO ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่งจวบจนยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปในราวปี พ. 2544 เมื่อตลาดของหนังแผ่นประเภท VCD เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้ เริ่มจากร้านซึทาญ่าตรงหน้าห้างไดอาน่า สาขาถนนศรีภูวนารถ เริ่มมีมุมสำหรับให้บริการเช่าแผ่นหนัง VCD และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่เหลือม้วน VDO ภายในร้านแม้แต่ม้วนเดียว ร้านค้าในเมืองหาดใหญ่ไล่ตั้งแต่ร้านแบกะดินยันร้านใหญ่-สุดหรูอย่างร้านบอส (แถวกลางสาย 3) เริ่มทยอยโล๊ะม้วน VDO ขายทิ้งในราคาถูกให้นักนิยมบริโภคของเก่าได้เลือกซื้อหาเพื่อสะสมกัน จากที่เคยขายกันม้วนละหลายร้อยบาทเหลือเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น(และที่สำคัญ….
2438 ต่อมาได้นำออกมาฉายตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ พ. 2439 เป็นต้นมา ซึ่งคำว่า "ซีเนมา" ( Cenema) ได้ใช้เรียกเกี่ยวกับภาพยนตร์มาถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์ที่สามารถฉายภาพให้ปรากฏบนจอขนาดใหญ่ ได้พัฒนาสมบูรณ์ขึ้นในอเมริกาในปี พ. 2438 โดยความร่วมมือระหว่าง โทมัส อาแมท (Thomas Armat) ซีฟรานซิส เจนกินส์ (C. Francis Jenkins) และเอดิสัน เรียกเครื่องฉายภาพยนตร์ชนิดนี้ว่า ไบโอกราฟ ( Bioghraph) ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นภาพยนตร์ได้แพร่หลายไปใน ประเทศ ต่าง ๆ ทั่ว โลก เกิดอุตสาหกรรมการผลิตจำหน่ายและบริการฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งใน ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส และ ประเทศอเมริกา ภาพยนตร์ได้กลายเป็นสื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ ศิลปการบันเทิงและ วรรณกรรม ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางตลอดมา พ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสประเทศต่าง ๆ ใน ทวีปยุโรป ซึ่งในครั้งนั้นได้มีช่างภาพของบริษัทลูมิแอร์ ประเทศฝรั่งเศส บันทึกภาพยนตร์การเสด็จถึงกรุงเบอร์นของพระเจ้ากรุงสยามไว้ 1 ม้วน ใช้เวลาประมาณ 1 นาที นับว่าเป็นการถ่ายภาพยนตร์ม้วนแรกของโลกที่บันทึกเกี่ยวกับชนชาติไทย ภาพยนตร์ในปัจจุบันมีการเผยแพร่อยู่ 4 ทางคือ ฉายตาม โรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์กลางแปลง และภาพยนตร์เร่ ถ่ายทอดลงแผ่น VCD, DVD และ Blu-ray Disc เผยแพร่ทางโทรทัศน์และ อินเทอร์เน็ต วิวัฒนาการของภาพยนตร์ สามารถแบ่งวิวัฒนาการของภาพยนตร์ออกเป็น 4 ยุค ดังนี้ ยุคที่ 1 ยุคบุกเบิก (ค.
5 – 2. 5 เท่า จริงๆเนื้อนี้ มุมมองใกล้เคียง กับเนื้อเงิน ประมาณ 30 -45 องศา เหมาะสำหรับ Projector ที่มีกำลังส่องสว่างน้อยๆ เพราะจะช่วยเรื่องอัตราการขยายแสง (Gain) ได้ดีมาก สำหรับคนที่ชอบเรื่องความสว่าง แบบสุกๆ จะเปรียบเหมือนจันทร์วันเพ็ญ ไม่รู้จะเว่อร์ไปหรือเปล่า เพราะจอตระกูลนี้ พอโดนแสงมันจะผ่องๆ ระยะหลังจะนิยมเป็นเนื้อไข่มุก (Pearl)หรือบางยี่ห้อเรียกว่า High Power ก็มี จอเนื้อทรายแก้ว (Glass beaded) ของ Dalite ที่ให้เกน 2.
1815 – 1907) การทดลองของเอดิสัน คณะ เอดิสันและดิคสันได้มาทำงานทดลองเกี่ยวกับภาพยนตร์ในราว ปี ค. 1888 จนสามารถประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพยนตร์เครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ ในปี ค. 1889 เรียกชื่อว่า Kinetograph นอกจากนี้ ยังได้ประดิษฐ์เครื่องฉายภาพยนตร์ที่เรียกว่า Kinetoscope ขึ้น ด้วย แต่เป็นเครื่องฉายในลักษณะ "ถ้ำมอง" ( Peep-Show) ที่ดูได้คราวละหนึ่งคน มีลักษณะการดูผ่านช่องเล็กๆ ภายในมีฟิล์มภาพยนตร์ซึ่งถ่ายด้วยกล้องคิเนโตกราฟ ( Kenetograph) ที่เอดิสันประดิษฐ์ขึ้นเอง ฟิล์มยาวประมาณ 50 ฟุต วางพาดไปมา เคลื่อนที่เป็นวง รอบ ผ่านช่องที่มีแว่นขยายกับหลอดไฟฟ้าด้วยความเร็ว 48 ภาพต่อวินาที ต่อมาลดลงเหลือ 16 ภาพต่อวินาที รัชกาลที่ 5 เป็นคนไทยพระองค์แรกที่ได้ชมภาพยนตร์แบบนี้ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้นำมาถวายให้ทอดพระเนตรเมื่อคราวเสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา ในปี พ. 2439 สิ่งประดิษฐ์ของพี่น้องลูมิแอร์ เนื่องจากว่าเอดิสันได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์เครื่องฉายและกล้องถ่ายภาพยนตร์ ของเขาแต่เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาบรรดานักประดิษฐ์ชาวยุโรปชาติต่างๆ ที่สนใจและค้นคว้าในเรื่องนี้อยู่แล้วเมื่อได้มาชมนิทรรศการประดิษฐ์กรรม ของเอดิสันจึงสามารถลอกแบบและนำไปปรับปรุงให้ดีกว่าได้นักประดิษฐ์คู่หนึ่งที่นับว่ามีบทบาทสำคัญมากก็คือ พี่น้องลูมิแอร์ พี่น้องตระกูลลูมิแอร์ ( Lumiere) ชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาภาพยนตร์ถ้ำมองของเอดิสันให้สามารถฉายขึ้นจอขนาดใหญ่ นำออกมาฉายตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ พ.
ความยุ่งยากของการบันทึกเสียงให้สัมพันธ์กับเหตุการณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์ 2. ปัญหาในการขยายสัญญาณเสียงให้ดังพอที่ผู้ชมจำนวนมากจะได้ยิน 3.
หนังกลางแปลงประเภทฉายกั้นผ้าเก็บเงิน 2. หนังกลางแปลงประเภทได้รับการว่าจ้างให้มาเปิดฉาย และ 3.
แต่เพราะผู้เขียนอายุยังน้อย(ราว 5 ขวบ) เลยสนุกสนานกับการวิ่งเล่นในแนวกั้นรั้วผ้าเสียมากกว่า พอหนังจบก็บอกไม่ได้ว่าดูเรื่องอะไรไปบ้าง สนุกสนานแบบเด็กๆ(ฮา) อีกนิดดด…. ขอพูดเกี่ยวกับหนังประเภทที่ 3 เสียหน่อย หนังขายยา หรือหนังเร่ ประมาณปี พ.