ปรอท ในผู้ป่วยอายุน้อย ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยหลังกล้ามเนื้อหัวใจตาย และผู้ป่วยหลังเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาต ให้ BP < 130/80 มม. ปรอท สำหรับแนวทางการรักษาฉบับ พ.
หลักเกณฑ์และแนวทางการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีชาวต่างชาติที่ไม่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล กรณีรับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ประเภทผู้ป่วยใน (IPD) สำหรับหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค. ๔๐๒. ๕/ว๑๐๘๑๖ ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค.
14 มี. ค. 2565 14:03 น. กรมบัญชีกลาง กำหนดแนวทางการเบิกค่ารักษาพยาบาล ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ติดเชื้อ โควิด-19 แยกกักตัวที่บ้าน วันที่ 14 มี. 65 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ปรับแนวทางการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้ ติดเชื้อโควิด -19 กลุ่มอาการเล็กน้อย (สีเขียว) และไม่มีภาวะเสี่ยง โดยให้บริการลักษณะผู้ป่วยนอกและให้ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Self Isolation) ดังนั้น เพื่อให้หลักเกณฑ์และแนวทางการเบิกค่ารักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว สอดคล้องตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด กรมบัญชีกลาง จึงกำหนดให้สถานพยาบาลของทางราชการนำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่าย กรณีการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก และการแยกกักตัวที่บ้าน ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. ) กำหนด มาใช้กับการเบิก ค่ารักษา พยาบาลกรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัว โดยมีอัตราการจ่ายค่าใช้จ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้ 1. ค่าบริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีภาวะเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแบบบริการผู้ป่วยนอก จ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 1, 000 บาทต่อราย โดยครอบคลุมรายการดังนี้ - ค่าบริการให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในการแยกกักตัวที่บ้าน - การให้ยาที่เป็นการรักษาโรคโควิด-19 ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร หรือ Favipiravir (เบิกจากกระทรวงสาธารณสุข) ตามแนวทางกรมการแพทย์ และหรือยารักษาตามอาการรวมค่าจัดส่ง - การประสานติดตามอาการเมื่อให้การดูแลครบ 48 ชั่วโมง - การจัดระบบส่งต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องส่งต่อ 2.
นพ. ธเนศ แก่นสาร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ. ศ. 2555 1 ในทัศนะของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวต่อการนำไปใช้ แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในปัจจุบัน มีอยู่ 2 แนวทางหลักๆ คือ ฝั่งยุโรปซึ่งได้ออกแนวทางมาในปี พ. 2550 2 และฝั่งอเมริกาเหนือ สำหรับฝั่งอเมริกาเหนือนั้นแบ่งออกเป็น 2 ค่าย คือ อเมริกาและแคนาดา แนวทางการรักษาของแคนาดานั้นออกจะคล้ายกับทางฝั่งยุโรป เนื่องจากระบบสาธารณสุขเป็นระบบประกันสุขภาพเหมือนกัน ส่วนอเมริกานั้นได้ออกแนวทางมาครั้งสุดท้ายคือ JNC 7 3 ซึ่งออกมาในปีพ. 2546 สำหรับแนวทางการรักษาฉบับ พ.
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/โรคร่วมสำคัญ ภาพถ่ายรังสีปอดปกติ ให้ดูแลรักษาตามอาการ ส่วนมากหายได้เอง แนะนำให้นอนโรงพยาบาล หรือในสถานที่รัฐจัดให้ อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้นอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง พิจารณาจำหน่ายผู้ป่วยได้ พิจารณาให้ "ฟาวิพิราเวียนร์" ตามดุลยพินิจของแพทย์ 3. ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่มีปอดบวมเล็กน้อย มีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปี โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมโรคปอดเรื้อรังอื่น ๆ โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ภาวะอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 90 กก. ) ตับแข็ง ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte น้อยกว่า 1, 000 เซลล์/ลบ. มม. หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น แนะนำให้นอนโรงพยาบาล อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น โดยให้ยาฟาวิพิราเวียร์เร็วที่สุด นาน 5 วัน หรือมากกว่า ตามความเหมาะสม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ อาจพิจารณาให้ คอร์ติโคสเตียรอยด์ ร่วมกับ 'ฟาวิพิราเวียร์' ในกรณีที่มีผู้ป่วยมีอาการและภาพถ่ายรังสีปอดที่แย่ลง 4.